รูปแบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาลชุมชน
วิไลลักษณ์ สีขาว ป.พย,วท.ม.(ระบาดวิทยา)
งานป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล โรงพยาบาลปรางค์กู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหารูปแบบในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาลชุมชน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการนำรูปแบบไปใช้ในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็กที่มีข้อจำกัดด้านต่างๆ เป็นการศึกษาเชิงปฏิบัติการโดยแบ่งเป็นสามระยะคือการเตรียมการฝึกอบรมให้ความรู้เจ้าเจ้าที่ ร่างแนวทางปฏิบัติ การดำเนินการโดยนำแนวทางการปฏิบัติที่ศึกษาและรวบรวมตามทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ในโรงพยาบาลปรางค์กู่ตั้งแต่แรกรับผู้ป่วยเข้าในโรงพยาบาลจนกระทั่งจำหน่ายกลับบ้านที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ปี 2554-2560 และสรุปประเมินผลทุกรอบปี ผลการศึกษาพบว่า รูปแบบที่ได้ ต้องมีการอบรมให้ความรู้และคำนิยามกลุ่มเชื้อดื้อยาที่โรงพยาบาลเฝ้าระวังคือกลุ่มที่มีเอนไซม์ ESBL กลุ่มดื้อยาหลายขนาน MDR MRSA CRE VRE อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เขียนแนวทางปฏิบัติ มีการรายงานโดยงานชันสูตรและทำข้อความเตือนโดย ICN ประเมินผลตามแนวปฏิบัติพบว่าไม่สามารถแยกผู้ป่วยเข้าห้องเดี่ยวได้ ทำได้เพียงกำหนดเตียงและโซนไว้ให้ชัด มีการทำป้ายเตือนความจำ และทำ pop up ในโปรแกรมเพื่อสื่อสารระหว่างหน่วยงาน และทำสัญลักษณ์ ติดหน้าเวชระเบียนผู้ป่วย จัดทำแผนพับความรู้แจกญาติ การสนับสนุนน้ำยาทำลายเชื้อในการทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมอุปกรณ์เครื่องใช้ ด้านผลลัพธ์ เชื้อที่พบมากสุดคือ E.coli ESBL รองลงมาเป็น K.Pneumoniae ESBL อัตราชุกตั้งแต่ปี 2554-2559 พบร้อยละ 38.9 ,30.2,47,40.5,33,54.3 ตามลำดับ ส่วน K.Pneumoniae ESBL พบร้อยละ 33.3 ,20,26,21.7,22,42.9 ตามลำดับ พบการติดเชื้อในปัสสาวะมากที่สุด และผู้ป่วยทุกรายที่พบเป็นผู้ป่วยเรื้อรังและเข้าออกโรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไปบ่อยครั้ง ยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อดื้อยารายใหม่ในโรงพยาบาลที่ศึกษาจะเห็นว่าการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาลจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยจึงจะสามารถหยุดการแพร่กระจายเชื้อนั้นได้ แนวทางการปฏิบัติตามหลักวิชาการต้องมีการปรับให้เหมาะสมกับบริบทของโรงพยาบาลซึ่งการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อย่านั้น นอกจากต้องควบคุมการปฏิบัติในเจ้าหน้าที่แล้วนั้น ญาติที่ดูแลก็สำคัญ ด้วยบริบทโรงพยาบาลชุมชน วัฒนธรรมการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การแบ่งปันข้าวของเครื่องใช้ให้แก่ผู้ป่วยเตียงข้างๆ เป็นสิ่งควบคุมยาก เพราะฉะนั้นการมีห้องแยกเป็นสัดส่วนจึงเป็นสิ่งจำเป็นต้องมีให้เพียงพอ แต่ในขณะเดียวกัน งบประมาณและสถานที่ก็เป็นสิ่งที่จำกัดของโรงพยาบาลชุมชน
คำสำคัญ การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา, โรงพยาบาลชุม
บทนำ
เชื้อดื้อยาเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางร่างกาย เศรษฐกิจและสามารถติดต่อกันได้โดยการสัมผัส เชื้อดื้อยา หท่นถึง จุลชีพโดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาต้านจุลชีพตั้งแต่ 3 กลุ่มขึ้นไป เช่นเชื้อแกรมลบที่ดื้อยาหลายขนาน เชื้อที่ผลิดเอ็นไซม์ Extended spectrum bata lactamase เป็นต้น นอกจากนั้นแม้ว่าชื่อเชื้อบางชนิดจะรระบุว่าดื้อยาเพียงชนิดเดียวเช่น MRSA(Methicillin Resistant Staphylococus aureus) VRE (Vancomysin resistantenterococci) Carbapenem-Resistant Enterobacteriaceae (CRE) (อะเคื้อ อุณหเลขกะ.แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาล. มิ่งเมื่องนวรัตน์. 2554.)เชื้อก่อโรคดื้อยาหลายขนานสามารถแพร่กระจายในสถานพยาบาลและสู่ภายนอกสถานพยาบาลได้โดย
1. การสัมผัส ได้แก่
1.1 การสัมผัสโดยตรงกลไกที่สำคัญที่สุดคือการสัมผัสโดยมือของบุคลากรที่ปนเปื้อนเชื้อก่อโรคหลังสัมผัสผู้ป่วยสัมผัสวัสดุอุปุกรณ์ ฯลฯ สัมผัสผู้ป่วยรายหนึ่งหรืออีกตำแหน่งหนึ่งของ ผู้ป่วยในรายเดียวกัน
1.2 การสัมผัสโดยอ้อม โดยเชื้อก่อโรคปนเปื้อนวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกันในผู้ป่วยหลายคน เช่น stethoscope เครื่องวัดความดันโลหิตเป็นต้น
1.3 การสัมผัสเชื้อก่อโรคที่ติดไปกับของเสียก่อนออกจากโรงพยาบาล เช่น มูลฝอยติดเชื้อ น้ำเสีย ฯลฯ 2. ทางอากาศ โอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ส่วนใหญ่เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อโรคทางเดินหายใจส่วนแบคทีเรียที่แพร่ ทางอากาศมีวัณโรคเป็นต้น 3. โดยผู้ที่มีเชื้อก่อโรคในร่างกายเมื่อออกจากสถานพยาบาลแล้ว แพร่ไปสู่ชุมชนหรือสถานพยาบาลที่ จะเข้าถัดไป เช่น
เชื้อ vancomycin resistant enterococci ที่อยู่ในลาไส้ผู้ป่วยอาจจะแพร่เชื้อนี้ทางอุจจาระได้เป็น เดือน ๆแต่หากมีการจัดการที่ดีจะส่งผลให้การแพร่กระจายเชื้อลดลงดั่งการศึกษาของปิฉัตร วิเศษศิริ และคณะ ใน การศึกษารูปแบบการส่งเสริมการปฏิบัติการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาของบุคคลากรพยาบาล แผนกอายุรกรรมในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ พบว่า “รูปแบบการส่งเสริมการปฏิบัติในการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาของบุคคลากรพยาบาลประกอบด้วย 6 กิจกรรมหลัก คือ 1การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ 2.การทบทวนความรู้3.การประเมินผลและให้ข้อมูลย้อยกลับ 4.การกระตุ้นเตือนโดยใช้โปสเตอร์ 5 การสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลและอุปกรณ์การแพทย์6 การรณรงค์การทำความสะอาดมือ บุคลากรพยาบาลมากกว่าร้อยละ 90 เห็นด้วยและเห็นด้วยอย่างยิ่งกับวิธีการ 6 กิจกรรม โรงพยาบาลปรางค์กู่เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็ก 30 เตียงพบว่ามีผู้ป่วยเชื้อดื้อยาตั้งแต่ปี 2553 พบ อัตราชุกเชื้อดื้อยาE.ColiESBL 88.9% (8/9) K.Pneumoniae 53.8%(7/13)ซึ่งได้มีการดำเนินการพัฒนาปรับปรุงแนวทางปฏิบัติการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยามาเป็นระยะๆเพื่อหาแนวทางที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและเข้ากับบริบทโรงพยาบาลมากที่สุดและจากนโยบายการลดความแออัดโดยการกระจายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไปเพื่อให้ยาปฏิชีวนะและพักฟื้นต่อที่โรงพยาบาลชุมชนมีมากขึ้นส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยดื้อยาที่ต้องดูแลเพิ่มขึ้น จากเหตุผลดังกล่าวทีมจึงจัดทำโครงการนี้ขึ้น
วัตถุประสงค์ : เพื่อหารูปแบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อเดื้อยาในโรงพยาบาลที่เหมาะสมกับบริบท
วิธีการดำเนินงาน
เป็นการพัฒนาคุณภาพโดยใช้รูปแบบ PDCA ประชุมให้ความรู้และจัดร่างแนวทางปฏิบัติร่วมกันและนำสู่การปฏิบัติปรับปรุงการปฏิบัติเป็นระยะทุกปีและรรายงาานบันทึกผลโดยพยาบาลควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล รายงานการติดเชื้อต่อคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาล ระหว่างปีงบประมาณ 2554-2560 ดังนี้
1.ทบทวนการรายงานผลการเพาะเชื้อดื้อยาในปี 2553
2.ศึกษาข้อมูลทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา
3.เปรียบเทียบสิ่งที่เป็นอยู่จริงกับหลักวิชาการ
4.สร้างแนวทางปฏบัติเพื่อให้มีความสอดคล้องกับหลักวิชาการ
5.ปรับหน้างานจริงกับหลักวิชาการให้เหมาะสมกับบริบท
6.ทบทวนอุปสรรคและสิ่งที่ไม่เป็นไปตามแนวทางที่กำหนดทุก 1 ปี
7.ปรับแนวทางปฏิบัติให้มีความครอบคลุมมากขึ้น
กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา เจ้าหน้าที่และผู้ป่วย ในโรงพยาบาลปรางค์กู่
ผลการดาเนินงาน
รูปแบบที่ได้
1. ต้องมีการอบรมให้ความรู้และคำนิยามกลุ่มเชื้อดื้อยาที่โรงพยาบาลเฝ้าระวังคือกลุ่มที่มีเอนไซม์ ESBL กลุ่มดื้อยาหลายขนาน MDR MRSA อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยการกำหนดนิยามเชื้อดื้อยาและรายชื่อเชื้อดื้อยา ที่ตรวจพบบ่อยในโรงพยาบาล โดยใช้วิทยากรเป็นบุคลากรในโรงพยาบาลประกอบด้วย แพทย์ เภสัชกร และพยาบาลควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล





ตารางที่ 1 แสดงการเปรียบเทียบรูปแบบเดิมกับรูปแบบใหม่ที่ได้
|
แบบเดิม |
แบบใหม่ |
การให้ความรู้แก่บุคคลากรเกี่ยวกับเชื้อดื้อยา |
ให้ความรู้ทั่วไป |
ให้ความรู้โดยการฝึกอบรม/ปฏิบัติเฉพาะเรื่อง |
การให้ความรู้แก่ญาติ |
ให้คำแนะนำทั่วไป |
ให้ความรู้รายบุคคล/มีแผ่นพับให้ |
แนวทางปฏิบัติ |
ไม่มี |
มีแนวทางและการประเมินแนวทาง |
การแยกอุปกรณ์ |
ไม่มี |
จัดสรรอุปกรณ์ใช้เฉพาะเชื้อดื้อยาในทุกหน่วย |
การทำสัญลักษณ์ ป้ายเตือน |
ไม่มี |
มีสัญลักษณ์ตั้งแต่จุดคัดกรอง/ทำบัตร/เปล/ |
การแยกห้องหรือแยกมุมเตียง |
ไม่มี |
แยกผู้ป่วยไว้เตียงที่กำหนด |
ตารางที่ 2 แสดงการพัฒนาของรูปแบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาล
รูปแบบ |
ปี2554 |
ปี 2555 |
ปี 2556 |
ปี 2557 |
ปี 2558 |
ปี 2559 |
การให้ความรู้บุคลลากร |
เป็นหัวข้อหนึ่งในอบรมบรรยาย |
แบบรรยาย |
แบบบรรยาย |
แบบบรรยาย |
แบบฝึกปฏิบัติ |
แบ่งกลุ่มเจาะเฉพาะเรื่องเชื้อดื้อยา |
การให้ความรู้ญาติ |
ให้ความรู้ทั่วไป |
เน้นการล้างมือ |
เน้นการล้างมือ |
เน้นการล้างมือสอนปากเปล่า |
เน้นการล้างมือสอนปากเปล่า |
สอน/แจกแผ่นพับ/ประเมิน |
แนวทางปฏิบัติ |
แนวทางปฏิบัติ |
ทำแนวทางปฏิบัติ |
ใช้แนวทาง |
ใช้แนวทาง |
ใช้แนวทาง |
ใช้แนวทาง |
การแยกอุปกรณ์ |
ขอสนับสนุนเครื่องวัดความดันโลหิต |
ได้รับจัดสรรที่จุดคัดกรองป่วยนอก |
เพิ่มที่หอผู้ป่วย |
เพิ่มที่ห้องฉุกเฉิน |
เพิ่มที่คลินิกเฉพาะโรค |
ได้รับการจัดสรรทุกจุดบริการ |
การทำสัญลักษณ์ ป้ายเตือน |
ป้ายติดเวชระเบียนผู้ป่วยใน |
เพิ่มติดบัตรคิว |
เพิ่มติดปลายเตียง |
เพิ่มแขวนเปลนอน |
เพิ่มทำข้อความแจ้งเตือนในคอมพิวเตอร์ |
ติดสติ๊กเกอร์ให้เห็นทุกจุดบริการ |
การแยกห้องหรือแยกมุมเตียง |
แยกมุมห้อง |
แยกมุมห้อง |
แยกมุมห้อง |
แยกมุมห้อง |
แยกมุมห้อง |
ในห้องแยกและมุมเตียง 2 ตึก |
สรุป/วิจารณ์
รูปแบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาจะประกอบ 1.ความรู้ของบุคลากร ความรู้ญาติที่ดูแลผู้ป่วยมีเชื้อดื้อยา2. การมีแนวทางปฏิบัติ 3.การแยกอุปกรณ์4. การทำป้ายเตือน แยกห้องหรือการแยกมุมผู้ป่วย
ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของปิฉัตร วิเศษศิริ และคณะ ในการศึกษารูปแบบการส่งเสริมการปฏิบัติการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาของบุคคลากรพยาบาล แผนกอายุรกรรมในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ พบว่า “รูปแบบการส่งเสริมการปฏิบัติในการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาของบุคคลากรพยาบาลประกอบด้วย 6 กิจกรรมหลัก คือ 1การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ 2.การทบทวนความรู้3.การประเมินผลและให้ข้อมูลย้อยกลับ 4.การกระตุ้นเตือนโดยใช้โปสเตอร์ 5การสนับสนุนอุปกรณ์แองกันส่วนบุคคลและอุปกรณ์การแพทย์ 6 การรณรงค์การทำความสะอาด. และจากการศึกษาในครั้งนี้พบว่าการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาลจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยและใช้วิธีที่หลากหลายจึงจะสามารถหยุดการแพร่กระจายเชื้อนั้นได้ แนวทางการปฏิบัติตามหลักวิชาการต้องมีการปรับให้เหมาะสมกับบริบทของโรงพยาบาล
บทเรียนที่ได้รับ
วัฒนธรรมการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่การแบ่งปันข้าวของเครื่องใช้ให้แก่ผู้ป่วยเตียงข้างๆ เป็นสิ่งควบคุมยาก เพราะฉะนั้นการมีห้องแยกเป็นสัดส่วนจึงเป็นสิ่งจำเป็นต้องมีให้เพียงพอ แต่ในขณะเดียวกันงบประมาณและสถานที่ก็เป็นสิ่งที่จำกัดของโรงพยาบาลชุมชน
เอกสารอ้างอิง ธิปัตย์ โสตถิวรรณ์ .ความชุกของการตรวจพบเชื้อดื้อยาในหอผู้ป่วยศัลยกรรมชาย โรงพยาบาลบางละมุงปีงบประมาณ 2558.วรสารวิทยาศาสต์และเทคโนโลยี มทร.ธัญบุรี;2560;7(2) 218-231ปิฉัตร วิเศษศิริ ,อะเคื้อ อุณหเลขกะ.นงเยาว์เกษตร์ภิบาล.
การศึกษารูปแบบการส่งเสริมการปฏิบัติการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาของบุคคลากรพยาบาล แผนกอายุรกรรมในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ.วรสารพยาบาลสาร
2558;42(3) ;120—134.
วีรวรรณ ลุวีระ.การดื้อยาปฏิชีวนะของแบคทีเรีย.วรสารสงขลานครินทร์เวชสาร 2549;24(5):453-459
สมหวัง ด่านชัยวิจิตร
และคณะ.คู่มือปฏิบัติเพื่อป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล.กระทรวงสาธารณสุข..2550
ศิริตรี สุทธจิตต์.การทบทวนเอกสารวิชาการสถานการณ์เชื้อดื้อยาในนานาประเทศ
: สถานการณ์การใช้ยาปฏิชีวนะและเชื้อดื้อยา ระบบติดตามเฝ้าระวัง และการควบคุม.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.2552
อะเคื้อ อุณหเลขกะ
.แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาล. มิ่งเมื่องนวรัตน์. 2554.